บทความ
คืนรถให้ไฟแนนซ์
เมื่อท่านได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับไฟแนนซ์แล้ว ต่อมาประสบปัญหาผ่อนค่างวดรถต่อไม่ไหว ทนายความแนะนำให้ท่าน “ปรับปรุงโครงสร้างหนี้” หรือ “รีไฟแนนซ์” กับสถาบันการเงินต่าง ๆ โดยข้อดีของการปรับโครงสร้างหนี้ คือ จะช่วยยืดระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้น ซึ่งจะทำให้จำนวนเงินค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนลดลง แต่มีข้อเสีย คือ ผู้เช่าซื้ออาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากระยะเวลาการผ่อนที่มากขึ้น อีกทั้งหากผิดนัดชำระหนี้ ก็อาจถูกยึดรถและต้องเสียปรับเพิ่มมากขึ้น
หรือ กรณีผู้เช่าซื้อที่ผ่อนชำระค่างวดรถอยู่ เป็นลูกหนี้ชั้นดี ไม่เคยผิดนัดจ่ายแม้แต่งวดเดียว หรือ ถึงแม้จ่ายค่างวดรถมาแค่งวดเดียวก็ตาม ให้เอารถไปคืนไฟแนนซ์ ก่อนจะถึงกำหนดจ่ายงวดต่อไป โดยตอนส่งมอบให้ถ่ายรูปรถยนต์และประเมินสภาพรถไว้ รวมทั้งต้องมีหลักฐานการคืนเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ข้อดีของการนำรถยนต์ไปคืน คือ ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อเอารถไปคืนโดยไม่ผิดสัญญา (ไม่ได้ค้างชำระหนี้เกิน 3 งวดติดต่อกัน) ไฟแนนซ์จะเรียกค่าส่วนต่างไม่ได้ แม้ผู้ให้เช่าซื้อเขาจะให้ท่านลงชื่อในเอกสารรับรถว่าหากนำรถออกขายได้ราคาไม่คุ้มค่าเช่าซื้อที่ขาดเท่าใดให้ท่านรับผิดค่าส่วนต่างด้วยก็ตาม
คำพิพากษาฎีกาที่ 1203/2565 ขณะจำเลยนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปคืนโจทก์ และโจทก์รับคืนไม่ปรากฏว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาข้อใดหรือมีหนี้ที่ต้องชำระตามสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์ จึงไม่อาจถือว่าจำเลยใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 12 ซึ่งต้องรับผิดชดใช้ค่าขาดราคาตามสัญญาข้อ 13 เพราะการแสดงเจตนาคืนรถที่จะถือว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของผู้เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 12 ที่ระบุว่า “ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อในเวลาใดๆเสียก็ได้โดยผู้เช่าซื้อจะต้องคืนและส่งมอบรถยนต์…และชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญานี้อยู่ในเวลานั้นทันที…” ต้องปรากฏว่าจำเลยยังคงมีหนี้หรือเงินที่ต้องชำระตามสัญญาเช่าซื้ออยู่ในขณะที่ส่งมอบรถคืนโจทก์ เมื่อจำเลยไม่มีเงินหรือหนี้ที่ต้องชำระตามสัญญาเช่าซื้อ กรณีถือว่าจำเลยใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาด้วยการส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นอันเลิกกันนับแต่วันที่จำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ โดยจำเลยไม่ได้ประพฤติผิดสัญญาและไม่มีหนี้ที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ตามมาตรา 573 โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาเช่าซื้อตามสัญญาจากจำเลย แม้จำเลยตกลงรับผิดในบรรดาหนี้ค้างชำระที่เกิดขึ้นจากการบอกเลิกสัญญาให้แก่โจทก์ ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 13 ตามหนังสือแสดงเจตนาคืนรถของจำเลยก็ตาม แต่หนังสือแสดงเจตนาคืนรถมิใช่สัญญาเช่าซื้อ เป็นเพียงหลักฐานการส่งมอบทรัพย์ที่เช่าซื้อคืนและจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อรับรองต่อโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อว่า หากโจทก์นำรถยนต์ที่เช่าซื้อออกขายได้เงินไม่พอชำระหนี้คงค้างตามสัญญา จำเลยจะยอมรับผิดชดใช้ส่วนที่ขาดแก่โจทก์ ซึ่งหามีผลให้จำเลยต้องรับผิดชดใช้ส่วนที่ขาดแก่โจทก์ ซึ่งหามีผลให้จำเลยต้องรับผิดค่าขาดราคาตามเอกสารนั้นไม่ เพราะเป็นการรับสภาพหนี้สินว่ามีอยู่ทั้งที่ไม่มีเนื่องจากโจทก์และจำเลยไม่มีมูลหนี้ค่าขาดราคาต่อกัน จึงไม่มีผลบังคับแก่กันได้
การส่งมอบรถคืน ต้องมีการเช็กราคาตลาดของรถเพื่อยืนยันว่า ณ ช่วงเวลาที่ส่งรถคืน มูลค่ารถในตลาดมีค่าเท่าใด เช่น รถมีราคา 5 แสนบาท แต่ราคาทั้งหมดรวมดอกเบี้ย 8 แสนบาท เมื่อขายทอดตลาดแล้วได้ 5 แสนบาท อีก 3 แสนบาท ผู้เช่าซื้อที่คืนรถไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
กรณีที่ไฟแนนซ์ไม่รับรถคืน แต่ผู้เช่าซื้อขาดส่งไม่เกิน 3 เดือน การนำรถไปส่งมอบและวางกุญแจไว้สามารถทำได้ แต่ต้องถ่ายหลักฐานต่างๆ ยืนยันไว้ด้วย โดยผู้เช่าซื้อยังมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกสัญญาได้ตามกฎหมาย
อีกกรณีหากผ่อนไม่ไหว แต่ยังมีความจำเป็นต้องใช้รถอยู่ ต้องไปรีไฟแนนซ์ ข้อเสีย จะทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มพูนขึ้นไปอีก ซึ่งผู้ที่เช่าซื้อรถต้องตระหนักให้ดีว่า ถ้ารีไฟแนนซ์แล้วยังไม่มีกำลังจ่ายอีกก็ต้องถูกคืนรถอยู่ดี